1.ดูแลการใช้งานแบตเตอรี่ รู้หรือไม่?
การใช้รถยนต์บนพื้นที่ที่มีน้ำฝนหรือความชื้นมาก ๆ จะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานของ
แบตเตอรี่น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่น้อยลงถึง 1-2 ปีเลยทีเดียว
อีกทั้งอาจส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติด กระแสไฟฟ้ารั่ว และเกิดไฟช้อตได้ ช่วงหน้าฝนแบบนี้
จึงควรหมั่นดูแลเป็นพิเศษ
วิธีดูแล
1.ใช้กระดาษทราย หรือแปลงลวดมาขัดบริเวณมีขี้เกลือ
2.นำผ้าแห้งมาซับ และฉีดสเปรย์ไล่ความชื้น
3.ทาจารบีเคลือบบาง ๆ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงบริเวณจุดที่มีน้ำท่วมสูง และลดความเร็วในการขับขี่
เพื่อป้องกันความชื้นของระบบไฟฟ้าภายในห้องเครื่องรถยนต์
2. ดูแลที่ปัดน้ำฝน
การขับรถช่วงหน้าฝนทั้งที่ที่ปัดน้ำฝนชำรุด หรือไม่ได้อยู่ในประสิทธิภาพที่เหมาะสม คงไม่ใช่
เรื่องดีแน่ๆ เพราะน้ำฝนจะมาบดบังทัศนียภาพในการขับขี่ หากสังเกตุเห็นการทำงานที่ขัดข้องของที่
ปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนทันที และควรมีการดูแลอย่างสม่ำเสมอ
วิธีดูแล
1.นำผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด กำจัดฝุ่น และคราบฝังแน่น
2.เช็คสภาพยางที่ปัดน้ำฝน หากเริ่มหลุดออกมาหรือเป็นขุยควรเปลี่ยนทันที
3.หลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพของยางที่ปัดน้ำฝน โดยการไม่จอดรถตากแดด
4.ดูแลเบาะหนังภายใน
หากใครที่มีเบาะรถเป็นแบบหนังแท้ ควรดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเพราะคงไม่มีใครอยากให้หนังแท้
สวย ๆ เกิดเป็นรอยหรือเสื่อมสภาพอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าดูแลไม่ดีจะทำให้เกิดความชื้นและสิ่งที่ตามมาไม่ใช่
เพียงทำให้เกิดความเสียหายกับเบาะรถยนต์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพของผู้ขับขี่อีกด้วย
วิธีดูแล
1.พยายามอย่าให้โดนน้ำ หรือความชื้นเพราะเบาะจะมีกลิ่นอับและแบคทีเรียสะสม
2.หากเบาะโดนน้ำให้เปิดประตูหน้าต่างเอาไว้เพื่อระบายอากาศ หรือโรยแป้งกำจัดความชื้นก็เป็น
วิธีที่ดีเช่นเดียวกัน
3.หากมีฝุ่นจับ ให้ใช้ผ้าขนหนูบิดหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดเฉพาะที่ ๆ มีฝุ่น แต่ถ้าสกปรกมาก
สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดได้ การดูแลเบาะหนังรถยนต์ไม่ใช่เพียงต้องป้องกันความชื้นจากน้ำฝน
เท่านั้น แต่แสงแดดก็เช่นกัน ซึ่งถ้าตากแดดนาน ๆ อาจทำให้หนังกรอบเร็วกว่าปกติได้