แนวทางการแก้ไข รถยนต์ถูกโจรกรรม
การถูกขโมยรถยนต์เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเผชิญ แต่หากเกิดขึ้น การเตรียมพร้อมและ
การจัดการอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้คืนรถและลดความเสียหายได้
แนวทางที่ควรปฏิบัติเมื่อรถถูกขโมย
1.แจ้งความทันที
-
รีบเดินทางไปที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่ใกล้ที่สุดเพื่อแจ้งความ
-
เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาทะเบียนรถ ใบขับขี่ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์
-
ขอรับหมายเลขคดี (Case Number) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามผล
2.แจ้งบริษัทประกันภัย
-
ติดต่อบริษัทประกันภัยที่คุณได้ทำกรมธรรม์รถยนต์ไว้
-
แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์และหมายเลขคดีจากตำรวจ
-
ตรวจสอบสิทธิ์และกระบวนการเคลมประกัน
3.แจ้งกรมการขนส่งทางบก
-
แจ้งเหตุการณ์ให้กรมการขนส่งทราบ เพื่อป้องกันการนำรถไปใช้ในทางผิดกฎหมาย
-
ขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์หรือการปลอมแปลงเอกสาร
4.แจ้งเตือนสาธารณะ
-
แชร์ข้อมูลรถที่ถูกขโมยผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมระบุข้อมูลสำคัญ
เช่น หมายเลขทะเบียน สีรถ และรูปภาพ
-
แจ้งเครือข่ายอู่ซ่อมรถ ร้านขายอะไหล่ และตลาดรถมือสองในพื้นที่
5.ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียง
-
ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านหรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุให้ช่วยตรวจสอบกล้องวงจรปิด
-
หลักฐานจากกล้องวงจรปิดอาจช่วยตำรวจในการติดตามตัวผู้กระทำความผิด
6.ติดตั้งระบบติดตามรถ GPS
-
หากรถของคุณติดตั้งระบบ GPS หรือเครื่องติดตาม แจ้งบริษัทที่ให้บริการเพื่อช่วยตรวจสอบตำแหน่งรถ
-
ระบบติดตามช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้คืนรถได้อย่างรวดเร็ว
-
สามารถสั่งตัดไดสตาร์ท
-
ติดตามตำแหน่งแบบเรียลไทม์
จุดอ่อนของจีพีเอสติดรถยนต์
1.การตัดสัญญาณ GPS
-
ผู้โจรกรรมอาจใช้ เครื่องตัดสัญญาณ (GPS jammer) ซึ่งจะรบกวนการส่งและรับสัญญาณ GPS
ทำให้ไม่สามารถติดตามตำแหน่งรถได้
-
อุปกรณ์เหล่านี้สามารถหาซื้อได้ในตลาดมืดและใช้งานได้ง่าย
2.การถอดหรือทำลายอุปกรณ์ GPS
-
ถ้าตัวอุปกรณ์ GPS ถูกติดตั้งในตำแหน่งที่ค้นหาได้ง่าย เช่น ใต้คอนโซลรถหรือบริเวณที่เข้าถึงได้ง่าย
ผู้ขโมยสามารถถอดหรือทำลายอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว
-
การติดตั้งในจุดที่ไม่เหมาะสมจะเพิ่มความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะถูกถอดออก
3.การปิดระบบไฟฟ้าของรถยนต์
-
หากผู้โจรกรรมสามารถปิดระบบไฟฟ้าของรถยนต์หรือถอดแบตเตอรี่ อุปกรณ์ GPS ที่ใช้ไฟฟ้า
จากระบบรถยนต์จะหยุดทำงานทันที
4.ข้อจำกัดของการส่งสัญญาณในพื้นที่อับสัญญาณ
-
ในพื้นที่ที่สัญญาณ GPS หรือสัญญาณมือถืออ่อน เช่น พื้นที่ห่างไกล, ใต้ดิน, หรือในอาคารคอนกรีต
การติดตามตำแหน่งรถอาจมีความแม่นยำลดลงหรืออาจไม่สามารถติดตามได้เลย
5.การรีเซ็ตหรือปิดการเชื่อมต่อระบบติดตาม
-
ถ้าผู้ขโมยมีความรู้ทางเทคนิค พวกเขาอาจพยายามรีเซ็ตระบบหรือปิดการเชื่อมต่อระหว่าง GPS
กับระบบเครือข่ายที่ใช้ในการติดตาม
6.ความล่าช้าของการแจ้งเตือน
-
หากระบบติดตาม GPS ไม่มีการตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เจ้าของรถอาจได้รับข้อมูลล่าช้า
หลังจากรถถูกขโมยไปไกลแล้ว
7.การพึ่งพาการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ
-
GPS ที่ต้องใช้เครือข่ายมือถือในการส่งตำแหน่ง อาจมีปัญหาหากผู้ขโมยถอดหรือปิด SIM card
หรืออยู่ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณมือถือ
วิธีป้องกันจุดอ่อน
-
ติดตั้ง GPS ในตำแหน่งที่ซ่อนเร้นและยากต่อการค้นพบ
-
ใช้ GPS ที่มีแบตเตอรี่สำรองในตัว เพื่อให้ทำงานได้แม้ระบบไฟของรถถูกตัด
-
ใช้ระบบที่สามารถแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เมื่อมีการถอดหรือปิดการใช้งาน
-
ใช้ GPS ที่มีการเข้ารหัสสัญญาณและป้องกันการถูกรบกวนจาก jamming
-
ใช้ระบบป้องกันหลายชั้น เช่น การติดตั้งระบบกันขโมยเพิ่มเติมที่ไม่ได้พึ่งพาเพียง GPS
-
ใช้อุปกรณ์ GPS จากบริษัทที่ได้มาตราฐาน
*************************************