editor

เพราะอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนคือเรื่อง ‘ลมยาง’ ปัจจุบันจึงมีการผลักดันเทคโนโลยีอย่าง TPMS ขึ้นมา เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกลัวยางแตก และไม่ต้องเสียเวลาเคาะลมยาง   แรงดันลมยาง จำเป็นต่อการขับขี่อย่างไร ? แรงดันลมยางที่อ่อนหรือแข็งจนเกินไป เป็นสาเหตุทำให้ยางสึกหรออย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงที่ยางจะแตกได้ โดยยางที่แข็งไปจะทำลายความสามารถในการยึดเกาะถนน ไม่สามารถรอวรับแรงกระแทกจากถนนได้ ส่วนยางที่อ่อนไปจะทำให้รถตอบสนองช้า กินน้ำมัน มีความร้อนสะสม และทำให้ยางรถรับน้ำหนักมากเกินไป ดังนั้นการรักษาความดันลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยลดการเคลื่อนที่ของดอกยาง ลดแรงต้านทานการหมุนของล้อยาง และช่วยให้รีดน้ำได้ดีขึ้น ข้อดีคือช่วยยืดอายุยางรถยนต์ ช่วยทุ่นแรงในการหมุนล้อที่รับน้ำหนักอยู่ รถจึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ลดเหินน้ำได้ นอกจากนี้การตรวจสอบสภาพยางอยู่เสมอ จะช่วยประเมินความสามารถในการบรรทุกของได้ดีอีกด้วย   ทำความรู้จัก TPMS ตัวช่วยความปลอดภัยของรถยนต์ TPMS หรือ Tire Pressure Monitoring System คือ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อการตรวจสอบแรงดันลมภายในเครื่องยนต์ การทำงานของระบบ TPMS จะส่งข้อมูลแรงดันลมตลอดเวลาแบบ Real Time เพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลมยาง ผ่านทางแผงหน้าปัดรถยนต์ (dashboard) โดยระบบจะมีการแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติ สำหรับการแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติของแรงดันยาง จะแสดงผ่าน ‘ไฟแจ้งเตือน

กล้อง Telematic Dash Cam เทคโนโลยีที่คอยช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยสามารถบันทึกภาพได้ต่อเนื่อง มีมุมมองกว้างผ่านกระจกหน้ารถ กระจกหลังและส่องภายในต้วรถ จึงสามารถตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ขับขี่ เก็บหลักฐานวิดีโอกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งขณะขับหรือแม้แต่จอดรถอยู่ก็ตาม ซึ่งในปัจจุบัน กล้อง Telematic Dash Cam ได้พัฒนาออกมาหลากหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ โดยมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจึงมีกล้องติดหน้ารถ 3 รุ่น Top ของ FORTH ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดมาแนะนำ !            1.รุ่น JC400 กล้องกับ GPS ที่มีเทคโนโลยี G-Sensor เทคโนโลยีกล้องติดหน้ารถแบบ Full HD 1080P ออกแบบมาสำหรับห้องโดยสารแบบ HD 140 องศา สามารถเลือกติดตั้งในตำแหน่งที่ต้องการได้ มาพร้อมกับ GPS ในตัวที่ล้ำสมัย สามารถติดตามยานพาหนะ บันทึกเหตุการณ์และวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ขับขี่บนท้องถนนได้ รองรับสัญญาณ 4G

              FORTH GPS Tracking ความอัจฉริยะของระบบติดตามรถด้วย GPS ที่สามารถติดตามรถหรือยานพาหนะ พร้อมบันทึกข้อมูลการใช้งานและการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้ง่าย มีความทันสมัยและอัพเดทใหม่อยู่เสมอ มาพร้อมคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มองค์กรได้อย่างครอบคลุม ดังนี้ ติดตามยานพาหนะได้แบบ Real Time         ระบบ GPS Tracking ที่ทันสมัยที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถระบุตำแหน่งของรถหรือยานพาหนะได้แบบ Real Time ผ่านระบบการทำงานของเทคโนโลยี IoT รองรับระบบเครือข่ายทั้ง 3G และ 4G ที่มีความเสถียรและแม่นยำสูง รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ผ่านสัญญาณ Wi-Fi จึงสามารถติดตามการเดินทางและตรวจสอบและพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถได้อย่างไม่คลาดสายตา สามารถบันทึกเหตุการณ์และดูวีดีโอย้อนหลังได้ตลอดเวลา          ระบบ GPS Tracking สามารถตรวจดูเส้นทางการเดินรถย้อนหลัง มีการเก็บข้อมูล (Backup

GPS Tracking ระบบติดตามยานพาหนะสุดล้ำ ที่ในปัจจุบันนี้มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้พัฒนาระบบติดตามให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี IoT การรองรับสัญญาณ 3G 4G และ Wi-Fi นอกจากนี้ยังมีการนำสัญญาณโรมมิ่งเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพของ GPS ซึ่ง FORTH ได้นำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาผสานรวมกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการเดินทางได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เทคโนโลยีสุดล้ำที่ FORTH นำมาใช้กับ GPS Tracking นั่นคือ โรมมิ่ง (Roaming) ซึ่งเป็นบริการข้ามเครือข่ายที่สามารถใช้งานได้ทั้งภายในประเทศ (Local Roaming) และต่างประเทศ (International Roaming) โดยออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานนอกพื้นที่สัญญาณได้ ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบโลจิสติกส์อีกหลายประการ ได้แก่ ควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับขี่ แม้ว่าจะออกนอกเขตแดน ผู้ใช้งานก็สามารถตรวจสอบการใช้งานของยานพาหนะได้ ไม่ว่าจะเป็นการระบุตำแหน่งปัจจุบันของยานพาหนะและเส้นทาง ความเร็วในการขับขี่ สถานะเครื่องยนต์ ระดับน้ำมัน ฯลฯ เป็นต้น มีความแม่นยำสูง ระบบ GPS Tracking สามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้ง เส้นทาง ระยะทาง เวลาหยุดพัก รวมถึงแผนที่ภูมิศาสตร์ที่มีรายละเอียดครบถ้วนและได้มาตรฐาน มีการอัปเดตแผนที่ใหม่อยู่เสมอ จึงทำให้ข้อมูลและเส้นทางมีความเป็นปัจจุบันและแม่นยำมากที่สุด

จิ๋วแต่แจ๋วต้อง ‘GV20’ สุดยอด GPS ติดรถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ส่วนบุคคล สำหรับใครที่ตามหา GPS เครื่องกระทัดรัด ขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘GV20’ อีกหนึ่งรุ่นเก่งจาก FORTH GPS ที่เหมาะทั้งติดรถมอเตอร์ไซต์ หรือรถยนต์ส่วนบุคคล ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบดีไซน์เรียบง่าย สวยกลมกลืนไปกับตัวรถ มาพร้อมคุณภาพการใช้งานอย่างเต็มสตรีม หลายคนอาจคิดว่ามอเตอร์ไซค์ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง GPS แต่รู้หรือไม่ว่าความจริงแล้วการติด GPS เป็นวิธีป้องกันรถหายได้ดีที่สุด และยังมีประโยชน์ต่อการขับขี่ของรถทุกรูปแบบ เพราะนอกจากจะติดตามเส้นทางการเดินทางได้แบบ Real Time แล้ว ยังสามารถเรียกดูข้อมูลย้อนหลัง ตรวจสอบเส้นทางการวิ่งรถแบบ Play-Back ตัวช่วยสำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ไม่เพียงเท่านี้ GPS ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย มาแอบส่องก่อนซื้อกับ 7 ข้อดีของ FORTH GPS รุ่น ‘GV20’ กัน !         1.ขนาดกระทัดรัด รุ่น GV20 มาในขนาดกระทัดรัดพอดีมือ

สาย IT ยุคใหม่มาทางนี้ จะติดตั้ง GPS ทั้งที พลาดไม่ได้กับ GPS FORTH รุ่น FTS-PRO SE อีกหนึ่งตัวท็อปยอดนิยมที่ลูกค้าเลือกใช้งานมากที่สุด ด้วยจุดเด่นด้าน Hardware ที่มีคุณภาพ มาพร้อม Software ให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย โดย FORTH ได้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้ได้ฟังก์ชันตรงตามการใช้งานของลูกค้ามากที่สุด GPS FORTH Tracking รุ่น FTS-PRO SE ถูกขนานนามว่าเป็นความอัจฉริยะของระบบติดตามรถ ด้วยจุดเด่นที่สามารถติดตามรถ และบันทึกข้อมูลการใช้งานรถได้อย่างละเอียด เหมาะกับองค์กรที่ต้องมีการขนส่ง เพราะระบบของ FTS-PRO SE สามารถตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานได้อย่าง Real Time รองรับการทำงานของระบบ 3G/4G มีความเสถียรและแม่นยำสูง เหนือชั้นไปอีกขั้นคือการที่ FTS-PRO SE สามารถรองรับนวัตกรรมที่ทันสมัยของยุคนี้ ผ่านระบบ loT โดยผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ  อย่างง่ายดาย เพียงแค่เชื่อมผ่าน Wi-Fi เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความปลอดภัยไปในตัว

เช็กก่อนจอด! กับ 3 สถานที่เสี่ยง "รถหาย" มากที่สุด จากสถิติศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ พบว่า “ประเทศไทยมีรถหาย มากกว่า 20,000 คันต่อปี แบ่งออกเป็นรถจักรยานยนต์จำนวน 10,000 กว่าคัน รถกระบะ ประมาณ 3,000 คัน โดยจังหวัดที่มีสถิติรถหายมากที่สุดคือกรุงเทพมหานครฯ ที่มีจำนวนรถ หายมากกว่า 7,500 คันต่อปี ที่น่าตกใจกว่านั้นคือมีรถหายแล้วได้คืนเพียง 10% เท่านั้น” โดยรถที่ถูกโจรกรรมส่วนใหญ่มักเป็นรถที่ตลาด (มืด) หรือผู้ซื้อมีความต้องการ ซึ่งแต่ละ ปียี่ห้อรถ สี ประเภทของรถที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนแตกต่างกันไป เปิด 3 สถานที่ “เสี่ยง” รถหาย อย่าจอดถ้าไม่จำเป็น           “สถานที่เสี่ยงรถหาย” เป็นอีกเรื่องสำคัญที่ผู้ขับขี่ ผู้ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอด จนรถที่ใช้ในกระบวนการขนส่งโลจิสติกส์ เช่น รถกระบะ รถพ่วง รถบรรทุก ฯลฯ ควรรู้ จะได้