editor

  1.ศึกษาข้อมูลจากคู่มือประจำรถ คำแนะนำที่อยู่ในคู่มือรถแต่ละคัน จะสามารถบ่งบอกถึงฟังก์ชั่นการใช้งาน ประเภทของน้ำมัน ประเภทของน้ำมันเครื่อง ส่วนประกอบของรถแต่ละคัน ข้อปฏิบัติ และข้อควรระวัง ที่ต้องทำตามนั้นเอง   2.การเลือกใช้น้ำมันเครื่อง แต่เราควรเลือกเจ้าที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ มอเตอร์ไซค์แต่ละคัน มีความต้องการใช้น้ำมันเครื่อง ที่แตกต่างกันออกไปแต่ละประเภท ควรพิจารณาจากความหนืดที่เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องยนต์ รถมอเตอร์ไซด์แต่ละประเภท เช่น เกียร์ธรรมดา และ เกียร์ออโต้ที่ต้องการความหนืดกว่า   3.ดูแลแบตเตอรี่ เราสามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ได้ด้วยการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ด้วยการหมั่นตรวจ น้ำยาแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพ หากสังเกตเห็นน้ำยาแบตเตอรี่รั่ว หรือหมดเร็ว กว่าปกติ ให้รีบนำแบตเตอรี่ไปตรวจสภาพเพื่อหาความผิดปกติ   4.ตรวจเช็คสภาพหัวเทียนอยู่เสมอๆ หมั่นสังเกตสภาพหัวเทียนอย่างสม่ำเสมอ และนำออกมาทำความสะอาดบ้าง หากมีคราบเขม่าดำๆ หรือคราบ น้ำมันเกาะอยู่จะทำให้เกิดอาการหัวเทียนบอด ทำให้สตาร์ทรถไม่ติด เครื่องยนต์กระตุกได้   5.เลือกใช้ยางรถมอเตอร์ไซค์ให้เหมาะสม ยางรถมอเตอร์ไซค์ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่ของรถมอเตอร์ไซค์แต่ละคัน ควรเลือกใช้ยางรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเหมาะสมกับตัวรถและการใช้งานของรถคัน   6.ติดตั้ง จีพีเอส เพื่อป้องกันการกังวล การโจรกรรม   ************************ ติดต่อถามถามรายละเอียด

          การติดตั้งจีพีเอสในรถยนต์มีหลายวิธีด้วยกัน แต่หลักการที่เหมือนกันก็คือการจ่ายไฟให้จีพีเอสทำงานได้แล้ว การติดแบบฟิวส์แท็ป(Fuse Tap)เป็นวิธีการที่สะดวกและไม่ต้องทำการตัดต่อสายไฟ เพียงแท๊ปเอาไฟมาจากฟิวส์รถเท่านั้น มีการติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญการณ์ของฟอร์ท แทร็คกิ้ง ซีสเต็ม มีประสบการณ์ด้านจีพีเอสมากว่า 20 ปี คุณสมบัติ แสดงสถานะติดตามรถแบบเรียลไทม์ แสดงสถานะการทำงานของแบตเตอรี่ลูกเล็ก แจ้งเตือนการใช้งานผ่านไลน์ กล้องเป็นแบบเลนส์คู่: กล้องหน้ารถและกล้องภายในห้องโดยสาร ข้อดีของ การใช้ Fuse Tap ในการติดตั้งจีพีเอส  ไม่ตัดต่อสายไฟของรถยนต์ ช่องชาร์จเดิมยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ทำให้ประกันรถยังไม่ขาดเพราะไม่มีความจำเป็นต้องปอกสายไฟ ตัดสายไฟหรือดึงไฟจากจุด                                                 

สาเหตุที่ทำให้ไฟหน้ารถยนต์ไม่สว่าง อายุการใช้งาน ในกรณีที่ไฟหน้า รถยนต์ ของคุณมีการใช้งานมานานพอสมควร โคมไฟ หรือหลอดไฟย่อมเสื่อมสภาพส่งผลให้ไฟหน้ารถของคุณมีความสว่างลดลง สายไฟหมดอายุ ขั้วหลอดไฟหลวม หรือ สกปรก ก็ส่งผลทำให้ไฟหน้ารถยนต์ของคุณสว่างลดลงเช่นกัน มีคราบเหลืองจากการจอดรถตากแดดเป็นประจำ   วิธีทำความสะอาดไฟหน้ารถยนต์       1.ฉีดล้างด้วยน้ำเปล่าและลงน้ำยาล้าง เพื่อทำการล้างเศษฝุ่น สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่      2.เมื่อล้างทำความสะอาดเสร็จแล้ว ก็ใช้ผ้าแห้งที่เราเตรียมไว้เช็ดให้แห้งจนปราศจากความชื้น      3.หลังจากเช็ดจนแห้งแล้ว ให้นำยาสีฟันหรือเบกกิ้งโซดา หากคุณเลือกใช้เบกกิ้งให้ผสมกับน้ำ                                                   

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า  (Electronic Vehicle : EV)  ใช้กำลังไฟในการวิ่งแบบ 100% เพราะฉะนั้น หัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า คงเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก “แบตรถยนต์ไฟฟ้า” ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นขุมพลังในการจ่ายไฟให้ระบบการขับขี่ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำงาน และวิ่งต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด   1.แบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรด (Lead Acid Battery) เป็นแบตเตอรี่ที่ใช้มานานในรถยนต์ทั่วไป มีราคาไม่แพง หาซื้อง่าย มีความปลอดภัยสูง ทนทานต่ออุณหภูมิที่หลากหลาย แต่มีน้ำหนักมาก เก็บพลังงานได้น้อย อายุการใช้งานสั้น เหมาะกับรถไฟฟ้าที่ใช้งานระยะสั้น   2.แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออน (Lithium Ion Battery / Li-ion) เป็นแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถไฟฟ้าสมัยใหม่ เก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ตะกั่วกรด มีน้ำหนักเบา ชาร์จไฟได้เร็ว อายุการใช้งานยาวนาน แต่มีราคาแพง ไม่ทนทานต่ออุณหภูมิที่สูง   3.แบตเตอรี่ชนิดนิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Nickel-metal Hydride Battery / Ni-MH) เป็นแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพอยู่ระหว่างแบตเตอรี่ตะกั่วกรดและลิเธียมไอออน เก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ตะกั่วกรด มีน้ำหนักเบากว่า ชาร์จไฟได้เร็ว อายุการใช้งานยาวนานกว่า

ลดค่าใช้จ่าย คำนวณต้นทุนเชื้อเพลิง แจ้งเตือนการซ่อมบำรุงรถยนต์ เมื่อครบรอบการเปลี่ยนหรือตรวจสภาพรถ สรุปรายงานการบำรุงการรักษา สรุปค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษา ตรวจสภาพยานพาหนะ Dashboard สรุปภาพรวมการบำรุงรักษา ******************************** ปรึกษา/ ติดตั้ง GPS FORTH Line : @forthtrack หรือ กดลิงค์ https://citly.me/EQJbG Tel : 02-615-0808 / Call Center 061-417-0808 ข้อมูลผลิตภัณฑ์ฟอร์ท https://www.forthtrack.co.th/gps-products/

วิธียืดอายุยางรถยนต์ ช่วยลดค่าใช้จ่าย   1.หมั่นเช็กแรงดันลมยางสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือก่อนการขับระยะไกล และควรเช็กตอนที่ยางไม่ร้อนเพื่อให้ได้ค่าแรงดันลมยางที่แท้จริง   2.เช็กสภาพยางด้วยตา ว่ามีรอยฉีกขาด แตก มีรอยถูกตำ หรือมีของมีคม เช่น ตะปู หรือเศษเหล็กติดอยู่ที่ยางหรือไม่   3.ตรวจเช็กดอกยาง โดยดูว่าหน้ายางด้านซ้าย และขวาของล้อเส้นเดียวกันมีการสึกที่เท่าๆกันหรือไม่ หากด้านหนึ่งสึกมากกว่าอีกด้าน นั่นแปลว่าศูนย์ถ่วงอาจจะไม่ตรง นอกจากนี้ควรเช็กว่ายางสึกจนถึง เวลาต้องเปลี่ยนแล้วหรือยัง โดยดูจากแถบบอกระดับการสึกบนหน้ายาง ถ้าหน้ายางสึกถึงแถบนี้แล้ว คุณควรเปลี่ยนยางได้แล้ว (แถบบอกระดับการสึกของยางแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น อาจมีลักษณะแตกต่างกัน   4.ควรสลับยางรถยนต์ของคุณในทุก ๆ 10,000 ถึง 12,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือนหรือทุกครั้งที่ เปลี่ยนนํ้ามันเครื่อง การสลับยางจะช่วยให้ ดอกยางของล้อแต่ละเส้นสึกเท่าๆ กัน (ส่วนตำแหน่งการสลับ นั้นขึ้นอยู่กับรุ่นของยาง และชนิดของรถ)   5.หมั่นตรวจสอบ และตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เพราะการขับรถไปสักระยะหนึ่ง หรือหากมีการกระแทก อาจทำให้ศูนย์ถ่วงเสียสมดุลได้   6.ไม่บรรทุกของหนักเกินกว่าที่ยางรุ่นนั้นๆ

  1.ดูแลมอเตอร์ของรถคุณ มอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องการการบำรุงรักษาในระดับเดียวกับเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสิ่งที่ต้องดูแลลดลง เพราะไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือแม้แต่เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ควรนำมอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้าเข้ารับบริการบ่อยเท่ากับรถยนต์ทั่วไป พยายามทำงานร่วมกับช่างที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านยานยนต์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้ 2.ควบคุมระยะเวลาของการชาร์จ การชาร์จไฟแบบค่อยๆ ปล่อยให้กระแสไฟไหลเข้าไปในแบตเตอรี่ ด้วยการชาร์จแบบปกติหรือ AC อาจต้องรอนาน 6-8 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เนื่องจากการชาร์จเร็วด้วยไฟ DC นั้นจะทำให้แบตเตอรี่มีอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบระบายความร้อนของแบตฯ ต้องทำงานหนัก  3.ระบบเบรก ระบบเบรกของรถยนต์ไฟฟ้ามีความแตกต่างจากระบบเบรกของรถทั่วไป ทำให้อายุการใช้งานของผ้าเบรกยาวนานขึ้น เนื่องจากระบบเบรกจะมีระบบชาร์จไฟกลับขณะที่เหยียบเบรก นอกจากจะช่วยเพิ่มกำลังไฟเพื่อการเดินทางที่ยาวขึ้นแล้ว ยังเป็นการถนอมผ้าเบรกให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย 4.ยางรถยนต์ ยางรถยนต์เป็นสิ่งหนึ่งที่มีการเสื่อมสภาพและต้องเปลี่ยนเป็นประจำ โดยยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานที่ต่างกันตามยี่ห้อ รุ่น หรือรูปแบบของการขับขี่ ส่วนใหญ่จะมีระยะทางใช้อยู่ที่ 20,000-50,000 กิโลเมตร ถึงจะทำการเปลี่ยนเส้นใหม่ แต่บางทีที่ยังไม่ถึงกำหนดเปลี่ยนแต่ก็เกิดเหตุขึ้นมาได้ เช่น ยางแตก มีรอยฉีกขาด หรือยางบวม เราควรตรวจสอบเป็นประจำ 5.ของเหลวต่างๆ แม้จะมีชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ลดลง แต่ที่ยังมีอยู่ไม่ต่างจากรถยนต์ใช้น้ำมันก็คือของเหลวต่าง ๆ เช่น น้ำหล่อเย็น น้ำมันเบรก และน้ำฉีดกระจก ควรหมั่นสังเกตและตรวจสอบเป็นประจำ หากมีปริมาณลดลงควรเติมเพิ่มเข้าไปหรือนำรถเข้าตรวจที่ศูนย์บริการ 6.การดูแลรักษาแบตเตอรี่